เริ่มต้นคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (CFO) ขององค์กรอย่างไร ?

reader 3469 Views

จากอดีตและปัจจุบัน ผลกระทบจากการใช้พลังงานจาก  Fossil fuels เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และแก๊สจากธรรมชาติ  การตัดต้นไม้ในป่า การทำฟาร์มปศุสัตว์ มีส่วนทำให้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง อุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ดังนั้นประชาคมระหว่างประเทศ จึงตระหนักถึงความจำเป็นในการรักษาอุณหภูมิให้ร้อนต่ำกว่า 2°C และพยายามจำกัดอุณหภูมิไว้ที่ 1.5°C

ปัจจัยขับเคลื่อนหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือปรากฏการณ์ ก๊าซเรือนกระจก (GHG) ก๊าซบางชนิดในชั้นบรรยากาศของโลกทำหน้าที่คล้ายแก้วในเรือนกระจก โดยกักความร้อนของดวงอาทิตย์และป้องกันไม่ให้รั่วไหลกลับไปสู่อวกาศและทำให้เกิดภาวะโลกร้อน  ดังนั้นทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง จำเป็นต้องแสดงว่า องค์กรท่านมีส่วนในการปล่อย ก๊าซเรือนกระจก (GHG) เท่าไรบ้าง และจากส่วนไหนของกิจกรรมการผลิต

ในการเริ่มต้นคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (CFO)  ขององค์กร จึงมีข้อแนะนำดังนี้

  1. เอกสารและข้อมูลที่ต้องรวบรวมเพื่อใช้ในการประกอบในการคำนวณ ตัวอย่างคร่าวๆดังนี้
  • รง.4
  • กนอ.03/6
  • แผนผังแสดงพื้นที่
  • และตำแหน่งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
  • ผังองค์กร
  • จัดทำแผนภูมิกระบวนการผลิต
  • รายการเครื่องจักรที่มี
  • รายการสารเคมีที่มีใช้
  • จำนวนพนักงาน
  • เอกสารที่เกี่ยวกับการนำของเสียออก
  • เอกสารด้านการใช้พลังงาน เช่น ค่าน้ำมัน ค่าไฟ

 

  1. เมื่อทำการคำนวณ สิ่งที่ ต้องพิจารณาให้สอดคล้อง เป็นหลักยึดตามมาตรฐานคือ
  • ความตรงประเด็น เช่น กิจกรรมอะไรของบริษัทที่ท่านจะนับรวมในการคำนวณ ลูกค้าต้องการให้ท่านคำนวณอะไรบ้าง
  • ความครบถ้วน ต้องกำหนดขอบเขตที่จะคำนวณ การรวบรวม การปล่อยและการดูดก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง
  • ความไม่ขัดแย้ง ข้อมูลที่นำมาคำนวณ เมื่อเปรียบเทียบแล้วไม่ขัดแย้ง สอดคล้องและเทียบเคียงกันได้
  • ความถูกต้อง มีค่าของตัวเลขที่ถูกต้อง ตามการ จัดกลุ่ม scope 1 2 3 มีการจัดให้ถูกต้อง ลดความเบี่ยงเบนและ bias ต่างๆ
  • ความโปร่งใส พร้อมทำการเปิดเผยข้อมูลของ GHG อย่างเพียงพอ เพื่อให้ผู้ที่ต้องการใช้ข้อมูลนำไปใช้ในการตัดสินใจได้

3  หลังจากนั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนหลักๆ ของการคำนวณดังนี้

  1. ระบุแหล่งปล่อย GHG (ก๊าซเรือนกระจก1.1 กำหนดขอบเขตขององค์กร ซึ่งเป็นการกำหนดองค์กร จะนับรวมกิจกรรมใดบ้างเป็น เป็นขององค์กร

หลักฐานเช่น

  • รง.4
  • กนอ.03/6
  • แผนผังแสดงพื้นที่
  • และตำแหน่งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
  • ผังองค์กร1.2 กำหนดชนิด GHG ที่ต้องทำรายงาน

โดยชนิดของ GHG นั้นยึดตาม พิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol) จำนวน  7 ชนิด ดังนี้

  • Carbon dioxide (CO2)
  • Methane (CH4)
  • Nitrous oxide (N2O)
  • Hydrofluorocarbons (HFCs)
  • Perflourocarbons ( PFCs)
  • Sulphur hexafluoride (SF6)
  • Nitrogen trifluoride (NF3)1.3 กำหนดขอบเขตการทำรายงานเป็นการระบุแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อม และกำหนดว่าจะนับรวมแหล่งปล่อย GHGs ใดไว้ในรายงาน ในแต่ละ scope
  • Scope ที่ 1 กิจกรรม/แหล่งที่ก่อให้เกิดการปล่อย GHG โดยตรง
  • Scope ที่ 2 ก่อให้เกิดการปล่อย GHG โดยอ้อมจากการใช้พลังงานที่นำเข้ามาจากหน่วยงานภายนอก
  • Scope ที่ 3 ก่อให้เกิดการปล่อย GHG โดยอ้อมอื่น ๆ
  1. กำหนดแนวทางในการคำนวณ/ประเมิน ซึ่งมีมีแนวทางการดำเนินการ
  • จากการตรวจวัด
  • จากการคำนวณดุลมวลสารหรือดุลสมการทางเคมี
  • จากการประมาณค่า โดยการใช้ค่า Emission Factor
  1. เก็บรวบรวมข้อมูลและเลือก Emission Factor
  • ต้องมีการกำหนดปีฐาน
  • เก็บข้อมูลย้อนหลังเป็นเวลา 1 ปี (12 เดือน)
  1. ทำการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  2. รวบรวมและแสดงผลในระดับองค์กร
    โดยรายงานการปล่อยและดูดกลับก๊าซเรือนกระจกขององค์กร เมื่อต้องจัดส่งให้กับ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ เรียกสั้นๆว่า อบก. ประกอบด้วย 3 ไฟล์ดังนี้

    1. รายงานการปล่อยและดูดกลับก๊าซเรือนกระจกขององค์กร เป็นไฟล์ .word

2. เอกสารการทวนสอบ เป็นไฟล์ .excel (Verification Sheet)

3. เอกสารนำเสนอเป็นไฟล์ .powerpoint

https://climate.ec.europa.eu/climate-change/causes-climate-change_en

fossil fuel
https://education.nationalgeographic.org/resource/fossil-fuels/